ทำความรู้จัก Visualise ผ่านหนังสือเล่มใหม่จากสำนักพิมพ์ howto หนังสือ Visualise เทคนิคคิดให้เป็นภาพ ชีวิตสำเร็จแบบคนระดับท็อป 1%
ในยุคที่การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญ “ความแข็งแรงทางจิตใจ” (Mental Fitness) คือรากฐานของทุกความสำเร็จ หากร่างกายต้องการการออกกำลังกาย จิตใจเองก็เช่นกัน
หนังสือ Visualise เทคนิคคิดให้เป็นภาพ ชีวิตสำเร็จแบบคนระดับท็อป 1% โดย Maya Raichoora คือคู่มือที่จะจุดประกายให้เราหันกลับมาดูแลและฝึกฝนจิตใจของเราให้แข็งแกร่งดุจนักกีฬาหรือผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของปาฏิหาริย์ แต่คือการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และประสาทวิทยาศาสตร์มา “ออกแบบความจริงที่คุณอยากมี” ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคำว่า “Visualise” และสำรวจเนื้อหาจาก “ หนังสือ Visualise ” กันว่ามีอะไรที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้บ้าง

Visualise คืออะไร?
“การสร้างจินตภาพ” (Visualisation) เรียกว่าการสร้างมโนภาพ หรือการซักซ้อมในจิตใจ คือกระบวนการทางความคิดแบบพิเศษที่ใช้จินตนาการของคุณสร้างภาพ, สิ่งแวดล้อม, ตลอดจนความรู้สึกในร่างกายและจิตใจของตัวเองให้ชัดเจนก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง เป้าหมายคือการให้ประสาทสัมผัสทุกด้านของคุณมีส่วนร่วมและผลิตจินตนาการออกมาซ้ำๆ อย่างตั้งใจ เพื่อ “วางระบบการทำงานของสมองใหม่” ซึ่งจะส่งผลต่อความคิด, อารมณ์ และการกระทำของคุณเอง
ผู้เขียนบอกว่า “สมองของเราไม่เก่งเรื่องการแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่จินตนาการขึ้น” ดังนั้น เมื่อคุณจินตนาการว่ากำลังเดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจ คุณไม่ได้แค่จินตนาการเท่านั้น แต่คุณกำลังฝึกสมองให้เชื่อว่าคุณกำลังมีประสบการณ์นั้นจริง การทำเช่นนี้ซ้ำๆ จะกระตุ้นวิถีประสาทที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง ทำให้คุณแสดงออกในชีวิตจริงด้วยความมั่นใจได้ง่ายขึ้น
การสร้างจินตภาพคือการ “ยกน้ำหนักของสมอง” เพราะมันเกี่ยวข้องกับการสร้างจุดเชื่อมโยงใหม่และทำให้จุดเชื่อมโยงที่มีอยู่แล้วแข็งแกร่งขึ้น เทคนิคนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักกีฬาชั้นนำระดับโลกหลายคน เช่น ไมเคิล เฟลป์ส, เซเรนา วิลเลียมส์ และโม ซาลาห์
ทำความรู้จัก Maya Raichoora
Maya Raichoora (มายา ไรชูรา) ผู้เขียน Visualise หนังสือ คือผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านความแข็งแรงทางจิตใจและการสร้างจินตภาพในประเทศอังกฤษ เธอทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลก, นักกีฬาชั้นนำ, ผู้บริหาร และผู้นำธุรกิจ แต่เรื่องราวของเธอไม่ได้เริ่มต้นอย่างราบรื่น
เธอเคยเป็นเด็กสาวที่ “เรียนดีกิจกรรมเด่น” และเป็นนักแบดมินตันมืออาชีพ แต่เมื่ออายุ 15 ปี เธอป่วยเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างน่าตกใจ เธอต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดทางกายและจิตใจอยู่หลายปี รวมถึงถูกแนะนำให้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุด พยาบาลคนหนึ่งได้ถามเธอว่า “ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในห้องนี้ ฉันอยากทำอะไร” คำถามง่ายๆ นี้จุดประกายให้มายาหลับตาลงและเริ่มจินตนาการถึงการเดินออกไปนอกโรงพยาบาลอย่างช้าๆ มั่นคง จากนั้นก็วิ่ง กลับมามีสุขภาพดี หัวเราะ และอยู่กับเพื่อนๆ รอบข้างอย่างมีความสุข
เทคนิคการสร้างจินตภาพไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตของฉัน
– Maya Raichoora
แต่ช่วยชีวิตฉันไว้เลย
นี่คือจุดเริ่มต้นของการใช้ visualisation ในแบบที่พลิกชีวิตเธอ เธออุทิศตนเพื่อเรียนรู้ว่าจิตใจทำงานอย่างไร และหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้น โดยได้รับคำแนะนำจากครูสอนการสร้างจินตภาพ เธอได้ฝึกฝนการจินตภาพถึงลำไส้ใหญ่ที่กำลังเยียวยาตัวเอง การเข้าเรียนมหาวิทยาลัย การเล่นแบดมินตัน และการกลับมาทานอาหารแข็งได้อีกครั้ง แม้จะต้องเผชิญกับการกำเริบของโรคอีกครั้งในภายหลัง เธอก็นำเครื่องมือที่เรียนรู้มาใช้ และเอาชนะมันได้อีก


จากคนที่ “ไม่กล้าเพราะรู้สึกไม่มั่นใจ” และ “เครียดเรื้อรัง” เธอกลายเป็นคนที่ “รู้คุณค่าของตัวเอง” “เชื่อมั่นในความสามารถ” และ “เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานอันมีชีวิตชีวา” ประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเป็นเครื่องยืนยันถึงพลังของเทคนิคนี้ และเป็นแรงผลักดันให้เธอเขียน หนังสือ Visualise เทคนิคสร้างจินตภาพ เล่มนี้ขึ้นมา เพื่อแบ่งปัน “ความลับ เทคนิค และวิธีการทั้งหมดที่จะทำให้คุณสร้างความแข็งแรงทางจิตใจที่ไม่สั่นคลอนได้เช่นกัน”
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
– ไอน์สไตน์
เพราะความรู้นั้นมีข้อจำกัด
แต่จินตนาการโอบล้อมโลกนี้ได้เลย
5 ประเภทของ Visualise
หนังสือ Visualise แบ่งเทคนิคการสร้างจินตภาพออกเป็น 5 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีจุดประสงค์และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
1. การสร้างจินตภาพเชิงเน้นผลลัพธ์ (Outcome-Focused Visualisation):
คือ การสร้างมโนภาพในความคิด หรือการซักซ้อมในจิตใจถึง ผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างชัดเจน เหมือนเห็นตอนจบของภาพยนตร์ ใช้สำหรับการเพิ่มแรงจูงใจ, วางระบบใหม่ให้กับความเชื่อที่จำกัด, เพิ่มความเชื่อมั่น, สร้างลักษณะนิสัยที่เข้มแข็ง, กำหนดเป้าหมาย และบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
2. การสร้างจินตภาพเชิงเน้นกระบวนการ (Process-Focused Visualisation)
คือ การซักซ้อมกระบวนการหรือการทำงานในจิตใจ (ไม่ว่าจะขนาดหรือความยาวเท่าใด) เพื่อทำามันได้ง่ายขึ้น, เร็วขึ้น และดีขึ้น ใช้สำหรับการทำให้ผลงานดีขึ้น, มีสมาธิจดจ่อมากขึ้น, มีผลิตภาพสูงขึ้น, และมีทักษะหรือเทคนิคที่เฉียบคมขึ้น เช่น การพูดในที่สาธารณะ การเล่นกีฬา การทำยอดขาย
3. การสร้างจินตภาพเชิงสร้างสรรค์ (Creative Visualisation):
คือ การใช้จินตภาพเพื่อทำให้ อารมณ์, การสัมผัสรับรู้ หรือความรู้สึกเป็นรูปธรรมมากขึ้น ใช้สำหรับการเพิ่มความตระหนักรู้, ความฉลาด, และการเท่าทันทางอารมณ์ ช่วยจัดการความเจ็บปวดและความเครียด, การฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ และยังเชื่อกันว่าช่วยส่งเสริมสุขภาพและภูมิคุ้มกัน
4. การสร้างจินตภาพเชิงลบ (Negative Visualisation):
คือ กระบวนการซักซ้อมในจิตใจเกี่ยวกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดหรือความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การประสบปัญหาทางการเงิน หรืออุปสรรคที่ไม่คาดคิด ใช้สำหรับการดำเนินงานอย่างระมัดระวัง, สนับสนุนการเห็นคุณค่า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการเตรียมพร้อม ไมเคิล เฟลป์ส ใช้เทคนิคนี้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการแข่งขัน แต่ข้อควรระวังคือเทคนิคนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มคิดลบอยู่แล้ว
5. การสร้างจินตภาพเชิงสำรวจตรวจตรา (Exploratory Visualisation):
คือ การโอบรับจินตนาการอันกว้างไกลไร้พรมแดน เพื่อตรวจดูไอเดีย, แก้ปัญหา หรือสร้างแนวคิดใหม่ๆ ทั้งหมด ใช้สำหรับการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์, ช่วยในการตัดสินใจ, และการแก้ปัญหา นักคิดอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และนิโคลา เทสลา ใช้เทคนิคนี้
วิธีฝึกการสร้างจินตภาพ Visualise
การฝึกฝน Visualise ไม่ใช่แค่การฝันกลางวัน แต่เป็นการฝึกจิตใจอย่างมีเจตนาและเฉพาะเจาะจง ในหนังสือ Visualiseได้นำเสนอ 8 องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้การสร้างจินตภาพมีประสิทธิภาพ
- ท่าทาง: หลังและไหล่ตั้งตรง ควรอยู่ในความตื่นมีสติในท่าที่ตั้งฉากกับพื้น
- หลับตา: ขจัดสิ่งรบกวนสมาธิและปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่จินตนาการ
- การใช้ลมหายใจ: ทำให้ระบบประสาทสงบลง เพราะสมองจะมีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่อเครียด
- ช่วงเวลาสงบนิ่ง: ชะลอการทำงานของสมองให้ช้าลง และทำให้คุณเชื่อมโยงกับร่างกายและจิตใจของตัวเอง
- สร้างจินตภาพ: นี่คือช่วงเวลาแห่งการ “ยกน้ำหนัก” และฝึกความแข็งแกร่งของจิตใจ
- ช่วงเวลาสงบนิ่ง: ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบัน
- การฝึกหายใจ: ช่วยควบคุมระบบประสาท
- ลืมตา: พร้อมสำหรับวันใหม่ที่รออยู่
วิธีใช้จินตนาการดึงดูดความสำเร็จ
การใช้จินตนาการเพื่อดึงดูดความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของเวทมนตร์ แต่เป็นการใช้กลไกของสมองที่สามารถวางระบบใหม่ได้ หนังสือ Visualise อธิบายว่าสมองไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่จินตนาการขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อคุณจินตนาการถึงความสำเร็จซ้ำๆ สมองก็จะเชื่อว่าได้มีประสบการณ์นั้นจริง ซึ่งจะกระตุ้นวิถีประสาทที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง
หนังสือแนะนำ “วงจรความสำเร็จภายในจิตใจ” ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่ช่วยปรับปรุงแนวทางการกำหนดเป้าหมายและความสำเร็จอย่างชัดเจน
> วงจรนี้เริ่มต้นที่ ความเชื่อ (Belief) ของคุณ
> ความเชื่อส่งผลต่อ ศักยภาพ (Potential) ของคุณ
> ศักยภาพนำไปสู่ การกระทำ (Action)
> เมื่อคุณมีการกระทำที่สอดคล้องและมั่นใจ ก็จะได้ผลลัพธ์ (Results) ที่ดี
> ผลลัพธ์ที่ดีเหล่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความเชื่อ (Belief)
หากเรามีความเชื่อเชิงลบ วงจรนี้ก็จะทำงานในทางลบ แต่ด้วยการสร้างจินตภาพผลลัพธ์ที่ปรารถนาไว้ล่วงหน้า คุณสามารถ “ก่อกวนรูปแบบแง่ลบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และเริ่มต้นวงจรใหม่อีกครั้งด้วยความเชื่อเชิงบวก” การซักซ้อมในความคิดว่าคุณจะบริหารจัดการกับความกังวลได้ และพูดได้อย่างยอดเยี่ยมบนเวทีสาธารณะจะเริ่มสร้างความเชื่อใหม่ นำไปสู่ศักยภาพที่เพิ่มขึ้น การกระทำที่มีประสิทธิภาพ และผลลัพธ์เชิงบวกเทคนิคการจัดการอารมณ์และความเครียด

เทคนิคการจัดการอารมณ์และความเครียด
Visualise หนังสือ เน้นย้ำว่า “อารมณ์คือภาษาของร่างกาย” ไม่ใช่แค่ความคิด และการพยายาม “คิด” ให้อารมณ์หายไปมักไม่ได้ผล การจัดการอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความแข็งแรงทางจิตใจ
หนังสือแนะนำ 3 ขั้นตอนสู่การเท่าทันอารมณ์
- การตระหนักรู้ทางอารมณ์: เริ่มต้นด้วยการสังเกตและระบุอารมณ์ที่กำลังรู้สึก รวมถึงตำแหน่งในร่างกาย (เช่น แน่นหน้าอก, ปมในท้อง) โดยไม่ติดป้ายว่าดีหรือร้าย
- ความฉลาดทางอารมณ์: ทำความเข้าใจว่าอารมณ์นั้นมาจากไหน หรือเกิดจากอะไร การเข้าใจรากเหง้าของอารมณ์ช่วยให้จัดการได้ดีขึ้น
- การเท่าทันอารมณ์ตัวเอง: มีเครื่องมือและความสามารถในการควบคุมหรือปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ เช่น การใช้ การสร้างจินตภาพเชิงสร้างสรรค์สำหรับการจัดการอารมณ์เทคนิคนี้ใช้จินตนาการเพื่อทำให้ความรู้สึกที่มองไม่เห็นให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ระบุตำแหน่งความกังวลในร่างกาย รู้สึกว่าความวิตกกังวลอยู่ที่ส่วนใดของร่างกาย (ศีรษะ, ท้อง, หน้าอก)
- สร้างจินตภาพความกังวล: ให้ความกังวลมีรูปร่างหน้าตา สีสัน หรือเป็นตัวละคร/สัตว์ (เช่น ปีศาจสีเขียว, ก้อนน้ำแข็ง, ไฟในท้อง)
- ปล่อยให้มันขยายใหญ่ขึ้น: แม้จะอึดอัด แต่ให้เผชิญหน้ากับมัน ปล่อยให้ภาพนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
- ทำให้ภาพนั้นหดเล็กลง: ใช้จิตใจทำให้ภาพนั้นเล็กลง อาจโดยการราดน้ำ ฆ่า หรือปล่อยให้มันละลายหายไป
- ปลดปล่อย: สูดลมหายใจลึกๆ และปล่อยให้ภาพนั้นสลายไป. ทำซ้ำจนกว่าความรุนแรงของอารมณ์จะลดลง
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อจัดการกับความเจ็บปวด หรือเสริมสร้างอารมณ์เชิงบวก เช่น ความซาบซึ้งใจ - การผ่อนคลายความเครียด: ความเครียดกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ทำให้ร่างกายพร้อมสู้ หนี หรืออยู่นิ่ง การสร้างจินตภาพช่วยพาคุณออกจากโหมดเอาชีวิตรอดได้
• จินตนาการว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมทะเลสาบที่สงบนิ่ง
• สัมผัสถึงแสงอาทิตย์, สายลม, กลิ่น, เสียงนกร้อง
• จดจ่อกับน้ำสีน้ำเงินเข้มที่ไหลอย่างอ่อนโยน
• จินตนาการว่าน้ำกำลังไหลเข้ามาในตัวคุณตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย. การฝึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากโหมดเอาชีวิตรอดไปสู่สภาวะที่สงบและสุขุมได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์ของเทคนิคคิดให้เป็นภาพ
[รีวิวหนังสือ Visualise] เล่มนี้เผยให้เห็นถึงประโยชน์อันหลากหลายของเทคนิคคิดให้เป็นภาพ ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีศักยภาพสูงสุด:
1. การตั้งเป้าหมายและเอาชนะอุปสรรค
การสร้างจินตภาพช่วยให้เรา “ขัดเกลาเป้าหมายและจินตภาพของคุณ” และมองเห็นความเป็นไปได้ ผู้เขียนเชื่อว่าจิตใจสามารถทำให้เป้าหมายหดเล็กลงหรือขยายใหญ่ขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับเรา
• สร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน: ด้วยการสร้างจินตภาพแบบเน้นผลลัพธ์ เราสามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของเป้าหมายได้ตั้งแต่ตอนนี้ ทำให้มีแรงจูงใจและความมุ่งมั่น การสร้างจินตภาพช่วยเติมช่องว่างของ “หลักฐาน” ความสำเร็จในจิตใจ ทำให้เป้าหมายระยะไกลดูจับต้องได้มากขึ้น
• เอาชนะความลังเลสงสัยและความกลัว: ความกลัวและความลังเลสงสัยเป็นเพียงโปรแกรมในสมอง การจินตภาพซ้ำๆ ว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่กลัว (เช่น พูดในที่สาธารณะ) จะช่วยเปลี่ยนจุดมุ่งเน้นจากความกลัวไปสู่ความเป็นไปได้ ทำให้ขั้นต่อไปน่ากลัวน้อยลง
• สร้างความหวังและการฟื้นคืนกำลังใจ: ความหวังเป็น “ทักษะ” ที่สามารถปลูกสร้างผ่านการฝึกฝนและการทำซ้ำ การซักซ้อมการเอาชนะความท้าทายในจิตใจช่วยทำให้วิถีประสาทแห่งความหวังฝังลึกขึ้นในสมอง
2. สร้างความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอน
ความเชื่อมั่นเป็น “ทักษะ” ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ พัฒนา และดำรงรักษาไว้ได้ ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับใครคนใดคนหนึ่ง
• สร้างจินตภาพตัวตนที่เปี่ยมความเชื่อมั่น: เริ่มต้นด้วยการระบุว่าความเชื่อมั่นหมายถึงอะไรสำหรับคุณ แล้วสร้างภาพตัวตนที่มั่นใจนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งเสื้อผ้า ภาษากาย และทัศนคติ นำตัวตนนั้นไปซักซ้อมในสถานการณ์ต่างๆ ในใจ
• ฝึกพูดกับตัวเองให้เชี่ยวชาญ: การเปลี่ยนแปลงคำพูดที่เราใช้สื่อสารกับตัวเอง (Self-Talk) จากแง่ลบเป็นแง่บวก และการใช้ “คำกล่าวย้ำเพื่อความมั่นใจ” (Affirmations) จะช่วยเสริมสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เช่น มายา ไรชูรา เคยกล่าวย้ำว่า “ฉันมีสุขภาพดี” แม้ตอนที่ยังป่วยอยู่
• ฉลองให้กับความสำเร็จเล็กๆ: ความเชื่อมั่นไม่ได้สร้างจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยการมองเห็นและฉลองให้กับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน
• แบทแมนเอฟเฟกต์ (Batman Effect): เป็นเทคนิคที่แนะนำให้สร้างบุคลิกลักษณะอีกแบบหนึ่ง หรือ “ตัวละคร” ที่คุณอยากจะเป็น การคิดว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สามช่วยสร้างระยะห่างทางอารมณ์ ลดความลังเลสงสัย และเพิ่มการควบคุมความคิดและพฤติกรรม
ประโยชน์อื่นๆ ของ [หนังสือ Visualise]
• การปรับระบบสมองใหม่ (Rewiring the Brain): หนังสือ Visualise สอนว่าสมองมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว (Neuroplasticity) การสร้างจินตภาพซ้ำๆ ช่วยสร้างวิถีประสาทใหม่ และทำลายวิถีเก่าทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัย, ความเชื่อ, และการตอบสนองได้
• เพิ่มสมาธิจดจ่อและผลิตภาพ: การสร้างจินตภาพแบบเน้นกระบวนการช่วยปูพื้นฐานให้สมอง ลดสิ่งรบกวน และกระตุ้นสภาวะ “ลื่นไหลต่อเนื่อง” (Flow State) ทำให้มีผลิตภาพสูงขึ้นโดยไม่เครียด
• การเลิกนิสัยและการสร้างนิสัย: เทคนิคการสร้างจินตภาพแบบเน้นกระบวนการสามารถตั้งโปรแกรมจิตใจให้เลิกนิสัยที่ไม่เป็นประโยชน์ และสร้างนิสัยใหม่ได้
• การตัดสินใจและการแก้ปัญหา: การสร้างจินตภาพเชิงสำรวจตรวจตราช่วยให้เราทดลองแต่ละทางเลือกในความคิด สำรวจว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรหากเลือกทางใดทางหนึ่ง และรับรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ
• การสร้างสรรค์เนื้อหาและการวางแผน: ผู้เขียนใช้การสร้างจินตภาพเชิงสำรวจตรวจตราเพื่อเขียนโพสต์บน LinkedIn และสร้าง Reels บน Instagram โดยการสร้าง Storyboard ในใจก่อนลงมือทำจริง ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์
ขอให้จินตภาพของคุณไม่ใช่แค่ภาพฝัน
แต่เป็นพิมพ์เขียวของความจริงที่คุณกำาลังสร้าง
[Visualise หนังสือ] เล่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังสือเทคนิคสร้างจินตภาพทั่วไปแต่เป็นเสมือน “คำเชิญชวน” ให้คุณมองเห็นภาพตัวเองในรูปแบบที่ดีขึ้น และค่อยๆ ไปให้ถึงจุดนั้นด้วยการฝึกฝน เป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยให้คุณไขว่คว้าชีวิตที่คุณต้องการได้อย่างแท้จริง
เป็นอีกหนึ่งเล่มที่แนะนำให้อ่านไม่ว่าคุณจะเป็นสายพัฒนาตนเอง สาย Law of Attraction หรือเป็นอีกคนที่มีเป้าหมายเป็นของตัวเองแล้วอยากรังสรรค์ให้มันเกิดขึ้นจริง หนังสือเล่มนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยแนะนำวิธีที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น และส่งต่อแนวคิดดีๆ ให้กับคุณตลอดเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเองแน่นอนค่ะ
บทความโดย สำนักพิมพ์ howto

หนังสือ Visualise เทคนิคคิดให้เป็นภาพ ชีวิตสำเร็จแบบคนระดับท็อป 1%
Maya Raichoora เขียน
เขมลักษณ์ ดีประวัติ แปล
สำนักพิมพ์ howto
บทความอื่นๆ
ปล่อยใจให้เบาจากชีวิตเร่งรีบ แล้วทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงกันเถอะ !
การใช้ กฎแห่งแรงสั่นสะเทือน ดึงดูดพลังงานเพื่อความสุขและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิดฝัน
Manifest กฎแรงดึงดูด 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา ที่ต้องประกาศให้จักรวาลได้ยิน!