เคยใช้ชีวิตแบบเร่งรีบกับทุกเรื่องบ้างไหม เคยวิ่งตามหาความสำเร็จทุกวันแบบไม่เหน็ดเหนื่อยอยู่หรือเปล่า เคยมองหาจุดพักใจในวันที่เครียดและไม่สบายใจกันอยู่ไหม เชื่อว่าหลายคนเคยมีคำถามเหล่านี้ในใจ แต่ก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งจริง ๆ แล้ว “การทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริง” ด้วยการรักตัวเอง การเยียวยา รวมถึงการปล่อยวาง คือกุญแจสำคัญที่จะตอบทุกปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ได้ ลอง ปล่อยใจให้เบาจากชีวิตเร่งรีบ แล้วทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงกันเถอะ !
การรักตัวเอง
“การรักตัวเอง” คือวิธีที่เราเชื่อมโยงกับตัวเองด้วยความเห็นอกเห็นใจ ซื่อสัตย์ และเปิดกว้าง มันคือการพบปะกับทุกส่วนของตัวเราด้วยการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่ส่วนที่รักได้ง่าย ๆ ไปจนถึงส่วนที่ไม่สมบูรณ์และหยาบกระด้างซึ่งพยายามซ่อนไว้
การรักตัวเองเริ่มต้นจากการยอมรับ แต่ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น การรักตัวเองที่แท้จริงคือการโอบกอดทุกสิ่งที่คุณเป็น พร้อม ๆ กับรับรู้ว่าคุณยังมีพื้นที่ให้เติบโต และมีอีกหลายอย่างที่ต้องปล่อยวางไป
การรักตัวเองอย่างแท้จริงจึงเป็นแนวคิดที่ยุ่งยาก และต้องใช้ความสมดุลถึงจะใช้พลังนี้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะการรักตัวเองจะฟูมฟักตัวเราอย่างลํ้าลึก โดยไม่ให้เรากลายเป็นคนยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือถือตัว ไม่ให้เรามองเห็นตัวเองด้อยกว่าคนอื่น
ขณะเดียวกันก็ยังคงความถ่อมตนที่จะไม่เห็นว่าตัวเองดีกว่าผู้อื่นไว้ด้วย ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการรักตัวเองจึงต้องมาจากการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างคุณกับตัวคุณเอง เพราะการรักตัวเองไม่ได้เป็นเพียงทัศนคติเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชุดการกระทำ !
การเยียวยา
ถ้าเราตรวจสอบชีวิตและความคิดจิตใจของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ก็จะพบเรื่องราวบางเรื่องในอดีตที่คุณต้องการ “เยียวยา” รักษา อย่างน้อย ๆ ภาพสะท้อนนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่า คุณมีความสุขมากขึ้นได้แน่นอน คุณยังมีที่ว่างสำหรับความสงบและความชัดเจนภายในจิตใจ
เราทุกคนมักจะพกพาความเครียดไว้ ซึ่งมันจะขัดขวางเราจากชีวิตที่ดีที่สุด แต่โชคดีที่เราปลดปล่อยความเครียดซึ่งสะสมอยู่ภายในนั้นออกไปได้ ดังนั้น การเยียวยาจะเกิดก็ต่อเมื่อคุณอยากลดความเครียดที่แบกรับอยู่ภายในจิตใจนั่นเอง
ความคิดจิตใจของมนุษย์มักเต็มไปด้วยความเครียดและความกังวลอยู่แล้ว พวกเราไม่ค่อยสนใจปัจจุบัน และยังเต็มไปด้วยสิ่งยึดติด ซึ่งขัดขวางการใช้ชีวิตอย่างสงบและการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ การเคารพข้อเท็จจริงที่ว่าชีวิตย่อมมีขึ้นมีลงจะส่งอิทธิพลต่อเราอย่างลึกซึ้ง และจะช่วยเปิดใจให้เราได้เรียนรู้วิธีใช้ชีวิตในวิถีทางที่ดีขึ้นด้วย
การปล่อยวาง
“การปล่อยวาง” เป็นการยอมรับช่วงเวลาปัจจุบันอย่างสนิทใจ เพื่อให้ยอมรับสิ่งที่เป็นได้ เราต้องปล่อยวางความต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามหวัง กระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่การปล่อยวางนั้นเป็นการเดินทางที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ฝึกฝนตัวเองอย่างช้า ๆ ให้หยุดใช้ชีวิตกับอดีต และวางอารมณ์ที่แบกไว้ลงข้าง ๆ
ขณะที่เราเยียวยาอดีต มันจะแสดงตัวขึ้นมาเพื่อนำพาเรากลับสู่พฤติกรรมเดิม แต่เมื่อเรายึดโยงอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น แม้จะเจอเรื่องยาก เราก็จะยังเปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่นที่ปรากฏขึ้นในใจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกดอดีตไว้หรือเมินเฉยมัน เพียงแต่หากเราฝึกเช่นนี้บ่อย ๆ แรงที่คอยดึงดูดให้เรากลับไปทำพฤติกรรมเดิมจะค่อย ๆ อ่อนแรงลง เพราะเรายึดมั่นที่จะประพฤติตัวแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่าอดีตแล้ว เราจะใช้พลังงานของจิตใจไปกับอะไรจึงตัดสินอนาคตของชีวิตเราได้เลยทีเดียว
ก่อนเราจะเข้าใจวิธีปล่อยวางที่แท้จริง เราต้องเข้าใจก่อนว่าเรายึดมั่นถือมั่นอะไรไว้ นอกจากการผูกติดอยู่กับความต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราควรลองมองสถานการณ์สักสองสามแบบให้ลึกลงไป โดยเลือกสถานการณ์ที่ทำให้เราต้องต่อสู้ดิ้นรนอยู่ข้างในมาก ๆ จนเมื่อเรารู้แล้วว่ามีปัญหาตรงจุดไหน เราจะได้มีโอกาสในการแก้ไขและปลดล็อกสิ่งที่กีดขวางเส้นทางของเรา
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังรู้สึกว่าการใช้ชีวิตทุกวันนี้ยากขึ้นทุกทีและเกินจะรับไหว ลองรักตัวเองให้มากขึ้น รู้จักเยียวยากายใจอย่างตรงจุด และปล่อยวางจากบางสถานการณ์ที่เกินการควบคุม แล้วคุณจะค้นพบใจที่เบาสบายขึ้น และสามารถเปิดรับสิ่งดี ๆ ไปพร้อมกับการเดินทาง แล้วคุณจะได้รู้ว่าเรายังมีชีวิตที่ดีกว่านี้ และเป็นคนที่ดีกว่านี้ได้อีกมากทีเดียว
บทความโดย howto
บทความอื่น ๆ
การใช้ กฎแห่งแรงสั่นสะเทือน ดึงดูดพลังงานเพื่อความสุขและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิดฝัน
10 หนังสือพัฒนาตนเอง ที่อยากแนะนำให้อ่าน เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในปี 2024