ความประทับใจจาก “Britney in Me Book Club” กิจกรรมสุดพิเศษพาล้อมวงพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือ The Woman in Me ร่วมกับบรรณาธิการ ผู้แปลและแฟนคลับบริตนีย์ สเปียร์ส
หนังสือ The Woman in Me เป็นบันทึกความทรงจำของ บริตนีย์ สเปียร์ส รวมเรื่องราวเกี่ยวกับอิสรภาพ ความเป็นแม่ การเอาตัวรอด ศรัทธา ความหวังและการบอกเล่าความจริงที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคม
“ความจริง” ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอและผู้อื่นมากมายนับไม่ถ้วน หนังสือเล่มนี้ทำให้ใครหลายคนกล้าเปิดประตูความฝันและยืนหยัดที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง รวมถึงเหล่าแฟนคลับที่มาเข้าร่วมกันแบบอบอุ่นกับกิจกรรมสุด Exclusive “The Woman in Me Book Launch” รวมตัวเหล่าคนรักบริตนีย์มาล้อมวงอ่าน The Woman in Me และแต่งคอสเพลย์เป็นบริตนีย์ในแบบของแต่ละคน
และหนึ่งกิจกรรมที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ Britney in Me Book Club ที่ชวนทุกคนล้อมวงอ่านหนังสือ The Woman in Me ด้วยกัน บทความนี้รวมทุกความประทับใจที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน
“อัลบั้ม ท่าเต้น น้ำหอม ซีรีส์ รวมถึงหนังสือ
สินค้าอะไรก็ตามที่แปะชื่อ “บริตนีย์ สเปียร์ส”
เป็นสวรรค์ของนักการตลาด
เป็นความฟินของแฟนคลับ
คือห่านทองคำของนายทุน
คือรายได้หาเลี้ยงคนหลายครัวเรือน
คือกระแสเงินสดที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดนตรีป๊อบ
แต่ในบรรดาสินค้ายี่ห้อบริตนีย์ สเปียร์ส ทั้งหมด
มีหนังสือเล่มนี้เล่มเดียวเท่านั้น…
ที่คุณจะไม่ได้รับความบันเทิงแบบบริตนีย์ สเปียร์ส
แต่มีหนังสือเล่มนี้เล่มเดียวเท่านั้น….
ที่คุณจะได้ฟังเสียงที่แท้จริงของเธอ”
-คำนำสำนักพิมพ์-
ความรู้สึกกับหนังสือเล่มนี้ “The Woman in Me”
แฟนคลับ : หนูทั้งเรียนการแสดงด้วยแล้วก็ทำอาชีพเป็น Drag Queen หนูไม่ต้องการแค่หน้าเหมือน รูปร่างเหมือนหรือเต้นเพลง ลิปซิงค์เหมือน แต่การแสดงของหนูคือการที่เข้าไปเป็นหรือเข้าไปรู้จักบริตนีย์ ตอนที่ทราบว่า The Woman in Me กำลังจะออก Version ภาษาอังกฤษคาดหวังเลยว่าจะต้องรู้สิ่งต่างๆ ที่บริตนีย์เผชิญ รู้สิ่งต่าง ๆ ที่บริตนีย์ไม่สามารถบอกได้ รู้สิ่งต่างๆ ที่เธอเก็บมา 13 ปี
แฟนคลับ : หนังสือเล่มนี้มันเป็นหลักฐานชั้นดีว่า นี่คือสิ่งที่เธอจะไม่มีวันทำได้ถ้าเธอยังอยู่ในระบบแบบนั้นอยู่ การที่หนังสือเล่มนี้ออกมามันเป็นโปรยที่บอกว่า นี่คือ Free ของฉัน “นี่คือ FREE BRITNEY”
เพลงที่มีความหมายสำหรับแต่ละคน คือเพลงไหน
แฟนคลับ : ตอนนั้นก็น่าจะเรียนอยู่มัธยมต้น มีรายการของช่อง 7 ช่วงเที่ยง เปิด Oops!…I Did It Again เราก็รู้จักเธอตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ ทีนี้ไปสะดุดเพลงนางอยู่เพลงหนึ่งก็คือเพลง stronger มันจะมีอยู่ท่อนหนึ่งที่บอกว่า “Stronger than yesterday” มันเป็นวลีแบบสั้นๆ แต่คือแบบมันทัชใจมาก
แฟนคลับ : ถ้าเพลงที่ผมชอบมากที่สุดจะเป็นเพลง Oops!…I Did It Again แต่ว่าท่อนที่มันทัชผมคือก่อนเข้าท่อนฮุค ‘Cause to lose all my senses. That is just so typically me.
แฟนคลับ : ของผมจะเป็น Lucky ครับ เพราะว่า Lucky เป็นเพลงเป็นคำถามของเราว่า คือเธอเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก แต่ว่าทำไมเธอถึงยังรู้สึกเหงา
แฟนคลับ : สำหรับเพลงที่ชอบจะเป็นเพลง When Your Eyes Say It ของอัลบั้ม Oops!…I Did It Again เป็นคนชอบเพลงช้า ถ้าใครเคยฟัง When Your Eyes Say It จะเป็นเพลงแบบช้าๆ เรื่อยๆ แล้วก็ค่อนข้างที่จะฟังแล้วรู้สึกมีความสุข
แฟนคลับ : เพลงที่ชอบมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นเพลง My Baby แล้วยิ่งเป็นเพลงที่หนังสือออกพอดี กลับมาฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาต้องแบบเขาต้องการมีครอบครัว เขาแค่อยากมีความสุข แล้วลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
ความรู้สึกของบรรณาธิการสำนักพิมพ์และผู้แปล “The Woman in Me”
บรรณาธิการ : อ่านแล้วเราร้องไห้ คือมันยากที่จะไม่ร้องไห้กับการอ่านสิ่งที่มันจริงใจขนาดนี้ คือภาษาซื่อๆ ของเขานี่แหละ ที่มันทำให้เราอึ้ง แล้วมันจะมีจุดหนึ่งที่เขาชอบพูดว่า “My Little Hearts” “My Little Home” “My Little Family” คือมันสะท้อนความเป็นคนหวานและน่ารักของเขา
ผู้แปล : ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำเงินมหาศาล เลี้ยงไม่รู้กี่ปากกี่ท้อง ทรัพย์สินเป็นหลายพันล้านเท่าไหร่ไม่รู้ที่โดนสูบออกไป แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่เธอต้องการ คือ เธอแค่อยากจะมีลูก แค่อยากจะได้อยู่กับหมา ได้อยู่กับบ้านหลักเล็กๆ ริมทะเลแค่นั้นเอง มันก็เลยรู้สึกว่า ชีวิตเรามันแค่นี้เอง ความสุขมีอยู่แค่นี้เอง แต่ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่เธอโดนพิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สิน “เธอไม่มีสิทธิ์เลือกเลย”
“The Woman in Me” คิดว่าประโยคนี้เขาตั้งใจจะบอกอะไร
: The Woman in Me ทำให้เรารู้สึกได้อยู่ 3 อย่าง
อันแรก คือ ความอ่อนโยนในความเป็นผู้หญิง
อันที่สอง คือ รู้สึกถึงความเข้มแข็งของผู้หญิง
อันที่สาม คือ ความมีอิสระภาพ
: การที่เป็นหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาได้ คือความภาคภูมิใจของแฟนคลับ รู้สึกว่ามันคือ FREE แล้วจริงๆ หนังสือถึงออกมาได้ แล้วสองคือ ทุกๆ คำคือสิ่งที่บริตนีย์เขียนให้กับตัวเอง บอกเรื่องราวในมุมของตัวเองอย่างปราณี ดังนั้น ถ้าถามว่า Woman in Me หมายถึงอะไร เป็นคำอื่นไม่ได้เลยนอกจาก “ฉันอยากจะเล่าเรื่องตัวฉันเอง”
ทางสำนักพิมพ์ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมอง แบ่งปันรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและน้ำตาไปด้วยกัน หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นอีกเล่มที่อยู่ในดวงใจของทุกคนไม่ต่างจากเพลงของ บริตนีย์ สเปียร์ส