รู้ตำนานตระกูลซานตาคลอสก่อนอ่าน “องค์กรซานต้ามาฆ่านะเธอ”

“Santa Claus Is Coming To Kill องค์กรซานต้ามาฆ่านะเธอ” เป็นนิยายวายจากนักเขียนไทยแนวบู๊ติดตลกที่เล่าเรื่องราวของซานตาคลอส แต่ไม่ใช่คุณลุงอ้วนท้วมใจดี ใส่ชุดสีแดง มีกวางเรนเดียร์และรถเลื่อนเหาะได้เป็นพาหนะบินไปรอบโลก เพื่อแจกของขวัญให้แก่เด็กๆ ในคืนวันคริสต์มาสนะ แต่เรื่องนี้จะพูดถึง “ซานตาคลอส” กับ “กวางเรนเดียร์” ในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง จนคุณอาจมองคริสมาสต์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเลยละ แต่ก่อนจะไปสนุกและร่วมลุ้นไปกับอเลสซานโดร คลอสและโทนาไคจากในเรื่อง ขอเริ่มจากการเล่าขานตำนานซานตาคลอสในแบบฉบับของ “องค์กรซานต้ามาฆ่านะเธอ” กันก่อน

เคยได้ยินคำว่า “สมมติเทพ” กันไหม ที่ไว้เปรียบเปรยอย่างเชิดชูว่าเหล่าราชาคือเทพอวตารลงมา อันที่จริง ไม่ต้องตายแล้วเกิดใหม่ให้ซับซ้อน และสวรรค์ชั้นฟ้าปราสาทเหนือเมฆก็ไม่เคยมีอยู่จริง บรรดาผู้ที่ถูกเรียกว่าเทพนั้นกำเนิดมาพร้อมพลังพิเศษในร่างเพื่อใช้แผ้วถางอำนาจจนขึ้นเป็นราชา ดินแดนโบราณทั้งหลายล้วนเคยถูกปกครองด้วยผู้มีพลังเหล่านั้น และนิโคลัสคือผู้ปกครอง “โรโดเซีย” อาณาจักรบนอนุทวีปทางซีกโลกเหนือ ใช้พลังความร้อนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวช่วยเหลือผู้คนในดินแดนที่แร้นแค้นและหนาวเหน็บ ประกอบกับมีช่วงชีวิตที่ยาวนานกว่ามนุษย์ธรรมดาจนได้รับยกย่องบูชา จึงถูกขานเรียกด้วยความเคารพว่า “เซนต์นิโคลัส”

ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเซนต์นิโคลัสมีอายุเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ปรารถนาจะเป็นราชาไปชั่วนิจนิรันดร์ เซนต์นิโคลัสรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องดับสูญไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ คงจะดีกว่าหากเหล่าประชาชนยืนหยัดได้ด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งพลังอันยิ่งใหญ่ เทพจึงลดบทบาทของตนเองลง ถอยออกจากการปกครอง อ้างเรื่องสังขารและหลบเร้นไป ราชาที่ลงจากบัลลังก์พบรักกับหญิงสาวผู้มีจิตใจงดงาม ณ ชายแดนห่างไกล ขอใช้นามสกุลของเธอ ให้กำเนิดลูกหลานกึ่งเทพออกมามากมาย เหล่าทายาทนั้นล้วนมีพลังคล้ายคลึงต้นตระกูล หากเจือจางลดหลั่นกันไป ไม่ได้มีพลังมหาศาลเช่นก่อนเก่า

ช่วงบั้นปลายชีวิตของเซนต์นิโคลัสเกิดสงครามระหว่างหลายอาณาจักร แม้สุดท้ายจะสงบศึกกันได้และโรโดเซียไม่ได้เสียเอกราช แต่ก็ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนทรัพยากร เดือดร้อนยาวนานมาจนถึงฤดูหนาวช่วงปลายปี ประชาชนแค่หาเลี้ยงปากท้องให้พอกินก็ยากลำบาก และที่น่าสงสารที่สุดคงหนีไม่พ้นพวกเด็กๆ

เซนต์นิโคลัสผุดความคิดที่จะช่วยเหลือและปลอบโยนเด็กน้อยทั้งหลาย และต้องทำอย่างลับๆ ไม่ให้ก้าวก่ายการปกครอง เหล่าทายาทเห็นด้วยจึงร่วมมือกันสร้างของเล่น จัดหาของกิน เตรียมของใช้ ห่อรวมเป็นของขวัญมากมายบรรทุกใส่เลื่อนเทียมกวางเรนเดียร์แล้วกระจายกันไปทั่วทั้งอาณาจักร นอกจากส่งของขวัญปลอบโยนเด็กๆ ในยามยาก หากเด็กคนไหนเป็นกำพร้า เหล่าซานต้าก็จะพากลับมาเลี้ยงดู คราวนี้ หลานชายคนหนึ่งของเซนต์นิโคลัสถูกเด็กน้อยพบเจอในยามดึก ด้วยความตกใจ พอถูกถามชื่อจึงบอกนามสกุล “คลอส” ออกไป เขาดูท่าทางเด็กน้อยงัวเงียคล้ายละเมอ คิดว่าเมื่อถึงยามเช้าคงจำอะไรไม่ได้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ชื่อของ “ซานตาคลอส” ก็กระจายไปทั่วแผ่นดิน

แรกเริ่ม เซนต์นิโคลัสคิดจะทำแบบนี้แค่ครั้งเดียว แต่ปีถัดมา เมื่อได้ยินเสียงเล่าลือว่าเด็กๆ ต่างทำตัวดีและรอคอยช่วงฤดูหนาวอย่างใจจดจ่อว่าจะได้รับของขวัญจากซานตาคลอสอีกไหม ท่านเทพก็ใจอ่อน ลูกหลานมากมายต่างพร้อมใจช่วยกันทำมาหากินทั้งปี (แน่นอนว่าต้องทำงาน ไม่อย่างนั้นจะมีทุนรอนมาผลิตของขวัญได้อย่างไร) เพื่อเตรียมการสำหรับภารกิจสุดยิ่งใหญ่ช่วงปลายปี ปีแล้วปีเล่า จากสุ่มให้ของขวัญก็ปล่อยข่าวให้เด็กๆ ส่งจดหมายถึงซานต้า (ตัดปัญหาเด็กงอแงได้ของไม่ถูกใจ) จากให้ของขวัญแค่เด็กๆ ในโรโดเซีย ก็เริ่มขยายขอบเขตออกไป และแล้วเหล่า “ซานตาคลอส” ก็ออกเดินทางไปทั่วโลก

ในบันทึกของทายาทแห่งเซนต์นิโคลัสนั้น นอกจากเดินทางมอบของขวัญและช่วยเหลือเด็กๆ แล้ว บางครั้งยังได้พบเจอกับทายาทแห่งเทพที่คล้ายคลึงกัน บ้างเป็นพันธมิตร บ้างเป็นศัตรูร้าย แต่ไม่มีพันธมิตรตระกูลไหนเก่าแก่และร่วมพันธะกันมาเนิ่นนานเท่ากับ “ตระกูลเรนเดียร์”

และนี่คือตำนานของ ซานตาคลอส จาก “Santa Claus Is Coming To Kill องค์กรซานต้ามาฆ่านะเธอ”

บทความโดย มาดามโรส

---