จริง ๆ แล้ว เอกภพมีจุดจบหรือไม่นะ

จุดจบของเอกภพไม่ใช่ความสงสัยทั่วไปในชีวิตประจำวันของเรา แต่อาจเคยวูบเข้ามาในบางความคิดว่า มันจะจบลงยังไง จบลงอีท่าไหน หรือแม้แต่มันจะมีวันจบลงด้วยหรือไม่…

ผมจึงขอรวมเรื่องเล่าของ “อวสานวิทยา” ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า จุดจบของเอกภพสามารถเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ในชั่วพริบตา เพียงแค่เหตุการณ์นี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ๆ ที่ทุกอย่างจะจบสิ้นในเร็ววัน หรืออาจจะในไม่กี่วินาทีนับจากนี้

บิ๊กแบงไม่ใช่การระเบิดภายในเอกภพ มันเป็นการระเบิดตัวของเอกภพ

คนส่วนใหญ่มักเห็นภาพบิ๊กแบงเป็นการระเบิดอย่างหนึ่ง เป็นไฟประลัยกัลป์ของแสงและสสารจากจุดจุดเดียวแล้วแผ่ขยายออกไปในเอกภพ แต่แท้จริงแล้วบิ๊กแบงไม่ใช่แบบนั้น บิ๊กแบงไม่ใช่การระเบิดภายในเอกภพ แต่เป็นการระเบิดตัวของเอกภพ และบิ๊กแบงไม่ได้เกิดขึ้นจากจุดจุดเดียว แต่เกิด ณ จุดทุกจุด

“ณ จุดทุกจุด” หมายถึงทุกจุดของพื้นที่ในเอกภพปัจจุบัน ไม่ว่าจุด ณ ชายขอบกาแล็กซีที่อยู่ไกลออกไป ส่วนของอวกาศระหว่างกาแล็กซีที่อยู่ไกลออกไปพอกันในทิศทางตรงกันข้าม ห้องที่คุณถือกำเนิด จุดทุกจุดเหล่านี้เคยอยู่ ณ จุดกำเนิดของเวลาทั้งหมด ใกล้จนอาจสัมผัส และ ณ ชั่วขณะเวลาเริ่มแรกห้วงเดียวกันนั้น มันก็ฉีกขาดห่างจากกันไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อพูดถึงทฤษฎีบิ๊กแบง สิ่งที่เรากำลังพูดจริงๆ คือ เมื่ออิงกับผลสังเกตการณ์การขยายตัวปัจจุบันและประวัติศาสตร์ของปรากฏการณ์นี้แล้ว เราสรุปได้ว่ามีช่วงระยะเวลาที่เอกภพร้อนกว่าและมีความหนาแน่นสูงกว่าปัจจุบันในทุกบริเวณ บางครั้งเรียกช่วงเวลานี้ว่า “บิ๊กแบงร้อน” ที่หมายถึงช่วงระยะเวลาทั้งหมดที่เอกภพร้อนและมีความหนาแน่นสูง ซึ่งปัจจุบันเรามีข้อมูลว่าเป็นระยะเวลาตั้งแต่ปี 0 ไปจนถึงประมาณปี 380,000

เราอาจขยายความเชิงปริมาณเพิ่มเติมด้วยว่า “ร้อนและหนาแน่นสูง” หมายถึงเท่าไร และย้อนรอยประวัติศาสตร์ของเอกภพ จากเอกภพเย็น ๆ ที่เรากำลังสุขสบายกันอยู่ในปัจจุบัน ไปสู่ไฟนรกความดันสูงระดับหม้ออัดความดัน ที่สุดโต่งจนความรู้ความเข้าใจในกฎฟิสิกส์ของเราใช้การไม่ได้ หรือจุดจบของทุกสิ่งคือ “ความร้อน”

ยุคแห่งกาแล็กซี การเปลี่ยนผ่านของเอกภพครั้งสำคัญ

การเปลี่ยนผ่านของเอกภพครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อมีแสงดาวเดินทางผ่านห้วงอวกาศมากขึ้น จนทำให้ก๊าซที่ล่องลอยอยู่ซึ่งเคยเป็นกลางทางไฟฟ้าในช่วงตอนปลายของช่วงยุคลูกบอลไฟของเอกภพ เกิดไอออไนซ์ขึ้น (สูญเสียอิเล็กตรอนและกลายเป็นมีประจุไฟฟ้า)

แสงดาวอันเจิดจ้าทำให้อะตอมไฮโดรเจนแตกตัวออกเป็นอิเล็กตรอนอิสระกับโปรตอน ทำให้เกิดฟองขนาดยักษ์ของก๊าซไฮโดรเจนที่ถูกไอออไนซ์ครอบคลุมกลุ่มกาแล็กซีอันสุกสว่างที่สุด ฟองซึ่งขยายตัวไปในเอกภพเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของยุครีไอออไนเซชัน หรือยุคการไอออไนซ์อีกครั้ง

การเปลี่ยนผ่านซึ่งเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อประมาณเวลาหนึ่งพันล้านปีหลังบิ๊กแบง ปัจจุบันถือเป็นหัวข้อการวิจัยอันดับต้น ๆ ของดาราศาสตร์สังเกตการณ์ และเราเพิ่งเริ่มทำความเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไรกันแน่ ในเวลาเกือบหนึ่งหมื่นสามพันล้านปีนับตั้งแต่ช่วงเวลานั้น สิ่งต่าง ๆ ดำเนินมาในรูปแบบเดิมตลอดมา กาแล็กซีก่อเกิดและรวมตัวกัน หลุมดำมวลยิ่งยวดสะสมมวลสารในศูนย์กลางกาแล็กซีดวงดาวใหม่ ๆ ถือกำเนิดและสุกสว่างจวบจนสิ้นอายุขัยของพวกมัน หรือจุดจบของทุกสิ่งคือ “แสงสว่าง” บางอย่าง

ดวงชะตาค่อย ๆ มืดมิด เมื่อ “พลังงานมืดทำลายทุกสิ่ง”

คำกล่าวว่า “พลังงานมืดทำลายทุกสิ่ง” ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เมื่อเอกภพกำลังขยายตัวอย่างมีอัตราเร่ง ในทางกลับกันอิทธิพลของสิ่งที่อยู่ภายในเอกภพก็กำลังหดลดลง กาแล็กซีที่อยู่ห่างไกลและถูกดึงออกไปจากรัศมีฮับเบิลจะหายลับไปจากเรา กาแล็กซีที่เราสามารถเห็นอดีตแสนไกลของมันได้ในปัจจุบันจะค่อย ๆ เลือนรางเข้าไปในความมืดเหมือนกับภาพถ่ายเก่า ๆ ที่ผุพังจางหาย ในบริเวณเพื่อนบ้านใกล้เคียงของกาแล็กซีเรา

หลังจากทางช้างเผือกรวมตัวกับอันโดรเมดาแล้ว กลุ่มโลคัลเล็ก ๆ ของกาแล็กซีเพื่อนบ้านจะค่อย ๆ โดดเดี่ยวออกจากกันมากขึ้นเรื่อย ๆ โอบล้อมด้วยความมืดมิดและแสงยุคแรกเริ่มที่ตายจาก เราไม่อาจมองเห็นทั่วทั้งเอกภพได้อีก

กลุ่มกาแล็กซีอื่น ๆ และกระจุกกาแล็กซีจะรวมตัวเป็นก้อนทรงรีของดวงดาวใหญ่ยักษ์ ลุกไหม้สุกสว่างจากการปะทะรุนแรงในตอนแรก แต่ก็ค่อย ๆ ริบหรี่ลงจนในที่สุดเหลือเพียงเถ้าถ่าน หากแต่แสงของพวกมันไม่มีวันเดินทางพ้นห้วงบริเวณอวกาศที่ว่างเปล่าและกำลังขยายตัวไปรอบตัวมันเอง หรือจุดจบของทุกสิ่งคือ “ความมืดมิด”

บทความโดย Sophia


สนุกกับศาสตร์แห่งตอนอวสานของสรรพสิ่งใน

The End of Everything อวสานวิทยา
Katie Mack เขียน
ปิยบุตร บุรีคำ แปล

คลิกที่นี่เพื่อสั่งซื้อได้เลย

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Like
Close
Copyright © 2022
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
Close