Fantree Marketing แนวคิดที่จะเปลี่ยนชีวิตการขายของคุณไปตลอดกาล

ในยุคสมัยที่ไม่ว่าใครก็เป็น “นักขาย” ได้ หลายคนหันมาสนใจการขายมากขึ้นจนมีคู่แข่งล้นตลาด ไม่ว่าหันไปทางไหนมีแต่คู่แข่งที่ขายถูกกว่า เจ๋งกว่าเสมอ สิ่งที่สำคัญคือ การเป็นนักขายมือหนึ่งให้ได้! หนังสือ ขาย 1 คน ตามมาซื้ออีก 100 คน เป็นหนังสือที่จะทำให้การขายของเราเป็นเรื่องที่เจ๋งและสนุกมากขึ้นกับแนวคิดแฟนทรี ( Fantree Marketing ) 

แนวคิดแฟนทรี (Fantree Marketing) คืออะไร

แนวคิดแฟนทรี หรือแนวคิดเครือข่ายแฟนพันธุ์แท้ ขาย 1 คนตามมาซื้ออีก 100 คน เป็นการแนะนำแบบปากต่อปากจากลูกค้า ซึ่งเพียงพอที่ช่วยฉุดยอดขายให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  หนังสือเล่มนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาด “แฟน” (ผู้นิยมชมชอบ) เพราะเคล็ดลับสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนขายกับลูกค้าก็คือ “เริ่มต้นจากการทำตัวเป็นแฟนของลูกค้าคนที่อยากให้มาเป็นแฟน (ผู้นิยมชมชอบ) ของเรา” แทนที่จะเอาแต่แบมือรอรับ คุณต้องรู้จักเป็นฝ่ายกระตือรือร้นลงมือทำด้วย  

หนังสือ Fantree Marketing ขาย 1 คน ตามมาซื้ออีก 100 คน

หนังสือเล่มนี้เขียนโดย สุนาดะ มาซาชิ เจ้าของแนวคิดการตลาดแบบสร้างเครือข่ายแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งก็คือ Fantree Marketing (นึกภาพแผนผังต้นไม้ที่เริ่มจาก 1 แตกไปเป็น 2 และเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ) ที่ไม่เน้นหาลูกค้าใหม่ แต่โฟกัสไปยังลูกค้าเก่าและลูกค้าที่เรารู้สึกดีที่จะสานสัมพันธ์ระยะยาว แบบที่ไม่เหนื่อยเกินไปที่จะไปวิ่งไล่ล่าหาลูกค้าใหม่เสมอ ๆ แต่ใช้ลูกค้าเก่าที่เรารู้สึกดีด้วยเนี่ยแหละเป็นการบอกต่อความดีงามของสินค้าเรา หนังสือเล่มนี้จะแนะนำให้คุณรู้จักสุดยอดกลยุทธ์การขายแบบเสือนอนกินที่คิดค้นและลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง การันตีความสำเร็จจากการปิดการขายกับลูกค้ามากกว่า 100 คนใน 1 ปี ผ่านการแนะนำของลูกค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น! แค่รู้วิธีสร้างแฟนพันธุ์แท้ ก็ลืมคำว่า “ไม่มีลูกค้า” ไปได้เลย

เทคนิคดี ๆ จาก Fantree Marketing  ขาย 1 คนตามมาซื้ออีก 100 คน

1.ค้นหา “ลูกค้าที่ทำให้ใจเต้น” ที่ทำให้ใจเต้นแรง

ซึ่งก็คือ ลูกค้าที่ทำให้เราเจรจาธุรกิจด้วยแล้วรู้สึกสนุก มีความสุข จนอยากเจอเขาทุกวัน อ่านแล้วเหมือนพูดถึงแฟนเลยใช่ไหม55555  แต่นี่คือคำนิยามที่คุณ สุนาดะ มาซาชิ เขียนอธิบายไว้

และเมื่อได้ยินคำว่า “ลูกค้าที่ทำให้ใจเต้น” คุณสามารถหาคำตอบง่าย ๆ ได้ด้วย 2 คำถาม คือ

1.ลูกค้าที่ทำให้คุณใจเต้นเป็นใคร

2.เหตุผลที่เขาจะกลายเป็นลูกค้าของคุณคืออะไร

คำถามแรก “ลูกค้าที่ทำให้คุณใจเต้นเป็นใคร”

ลองคิดดูสิว่าจะสนุกแค่ไหนถ้า “ลูกค้ากลุ่มที่ทำให้ใจเต้น คือลูกค้าคนที่เราเจรจราธุรกิจด้วยแล้วรู้สึกสนุก มีความสุขจนนึกอยากเจอเขาทุกวัน” และลูกค้ากลุ่มนั้นจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้เครือข่ายความสัมพันธ์เติบใหญ่ขึ้น แต่ต้องมี 3 เสาหลักนี้อย่างต่ำเพื่อให้เครือข่ายแข็งแรงมากขึ้น

เสาต้นที่ 1 คือ “ลูกค้าที่ชวนให้รู้สึกใจเต้น ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”

เสาต้นที่ 2 คือ “ลูกค้าผู้เป็นที่สุดในบรรดาลูกค้านทั้งหมด”

เสาต้นที่ 3 คือ “ลูกค้าที่คุ้นหน้าคุ้นตากันจากการหยิบยืมพละกำลังของคนอื่น”

คำถามที่ 2 “เหตุผลที่เขาจะกลายเป็นลูกค้าของคุณคืออะไร”

มาถึงคำถามที่ 2 ที่สำคัญในการค้นหาลูกค้าที่ทำให้ใจเต้นแรง เหตุผลที่เขาจะกลายเป็นลูกค้าของคุณคืออะไร? หนังสือเล่มนี้บอกว่า เหตุผลนั้นต้องเป็นเหตุผลที่ลูกค้าเจาะจงเลือกคุณเท่านั้น  ต้องเป็นเราเท่านั้น สื่ออีกนัยได้ว่า นั่นคือ จุดแข็งของเรา แต่ถ้าไม่แน่ใจ หนังสือเล่มนี้แนะนำให้เขียนจุดแข็ง 4 ข้อคิดว่าเด็ดแบบสุด ๆ และจากนั้นหัวใจสำคัญสำหรับโจทย์นี้คือ “รับฟังคำพูดของลูกค้า” ยิ่งฟังเสียงของลูกค้าและนำมาใช้เพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นมากเท่าไหร่ “มูลค่าของตัวคุณ” ก็จะยิ่งสูงขึ้น เพราะโจทย์ของข้อนี้คือลูกค้าก็ต้องตีโจทย์ด้วยลูกค้าแหละนะ

เพราะหากไม่รับฟังเสียงของลูกค้าก็เท่ากับว่ายังต้องวนเวียนอยู่กับการขายแบบไล่ล่าเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แบบหาจุดขายไม่ได้สักที เริ่มจากรู้จักฟังเสียงของลูกค้าให้เป็นนิสัย ทั้งแง่ดีและแง่ลบ โดยเฉพาะเสียงจากลูกค้าที่ทำให้หัวใจเราเต้นแรง เพราะพวกเขาจะกลายเปนนักขายต่อจากคุณ จะทำให้สินค้าคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น

หากว่าคุณตอบคำถามทั้ง 2 ข้อนี้ได้  ก็จะหลุดพ้นจากการขายแบบไร้แบบแผน จะพบกับการขายที่เต็มไปด้วยความสุขเพราะชีวิตรายล้อมไปด้วยลูกค้าที่อยากจะเจอและคุยด้วยทุกวัน  การขายก็จะยั่งยืนมากขึ้นและไม่เหนื่อยล้ากับการขายหรือการไล่ล่าลูกค้า

2.สร้างบทสนทนาโดนใจคือเรื่องราวระหว่างตัวคุณกับลูกค้า 

กฎเหล็กข้อแรกคือ “Story” ในสินค้าหรือบริการที่ขาย และไม่มีอะไรดีสำหรับการสร้างเรื่องราวให้สินค้าเท่ากับเรื่องราวระหว่างตัวคุณกับลูกค้าอีกแล้ว  ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่า สินค้าหรือบริการที่มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังมักจะได้รับความสนใจเสมอ ๆ  แต่มันไม่ใช่การสร้างเรื่องราวขึ้นมาแบบหลอก ๆ ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเองที่ต้องการจะเล่าอยู่แล้ว อาจจะเล่าจากจุดเริ่มต้น จุดตกต่ำ จุดพลิกผันและปัจจุบัน พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ  “Before & After” ของเส้นทางการทำธุรกิจของคุณ

จากนั้นเรื่องราวที่คุณเล่าก็จะกลายเป็นเรื่องราวที่ลูกค้านำไปบอกต่อสู่คนรอบตัวแต่ต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในสิ่งที่นำเสนอ แต่เมื่อมีจุดให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ เรื่องราวของคุณก็จะมีสีสันน่าฟังยิ่งขึ้นยามลูกค้านำความประทับใจนั้นไปถ่ายทอดสู่บุคคลอื่นโดยใช้คำพูดของตัวเอง

สรุปจากหนังสือ: จุดเริ่มต้นของบทสนทนาโดนใจ มาจากเสียงแห่งความปลาบปลื้มที่ “ลูกค้ากลุ่มที่ทำให้ใจเต้น” ประทับใจในจุดแข็งของคุณ เริ่มจากกำหนด “ลูกค้ากลุ่มที่ทำให้ใจเต้น” ที่ปรารถนาอยากให้เขาประสบความสำเร็จ และเปลี่ยนให้กลายเป็นจริง

ไม่มีทางเราจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทางการตลาดและการขาย

แต่ปัจจุบันมีความรู้และเทคนิคมากมายที่จะทำให้การขายของเราประสบผลสำเร็จมากขึ้นอยู่ที่เราจะเลือกหยิบมาใช้ หนังสือ ขาย 1 คน ตามมาซื้ออีก 100 คน หรือเนวคิดแฟนทรีเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ จะช่วยให้การขายของเรามีทิศทางและมั่นคงจากระดับพื้นฐาน และขายแบบมีความสุขมากยิ่งขึ้นค่ะ:)

บทความโดย สำนักพิมพ์ howto

บทความที่เราอยากแนะนำ

” ทฤษฎีควอนตัม ” และ เกาะเฮลโกแลนด์ แห่งทะเลเหนือ กับการค้นพบแนวคิดที่อธิบายข้อเท็จจริงจอมพยศ

Manifest กฎแรงดึงดูด 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา ที่ต้องประกาศให้จักรวาลได้ยิน!

พบกับ ขาย 1 คน ตามมาซื้ออีก 100 คน

เขียนโดย สุนาดะ มาซาชิ

สำนักพิมพ์ howto

สั่งซื้อได้ที่ amarinbook.com

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Like
Close
Copyright © 2022
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
Close